วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559




1. พระบรมธาตุดอยสุเทพ                   

                      เป็นปูชนียสถานที่สำคัญยิ่งของเมืองเชียงใหม่ ประดิษฐานอยู่บนดอยสุเทพ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตัวเมือง ห่างจากตัวเมืองเก่าประมาณ 10 กิโลเมตร สามารถมองเห็นจากตัวเมืองได้ชัดเจน ที่เที่ยวเชียงใหม่ภายในยังได้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ ที่พญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ราชวงศ์มังราย ได้ทรงเก็บไว้สักการบูชาส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่ให้ประชาชนได้เดินทางมาสักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล







2. วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร                  

                 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ที่เที่ยวเชียงใหม่แห่งนี้ เป็นเจดีย์ใหญ่ที่สูงที่สุดของอาณาจักรล้านนา สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าแสนเมืองมากษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย (พ.ศ.1913-1954) ต่อมาพระยาติโลกราชโปรดให้ช่างขยายเจดีย์ให้สูงและกว้างกว่าเดิม แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2024 และอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐาน แต่เดิมวัดเจดีย์หลวงมีชื่อว่า “โชติการามวิหาร” หมายถึง พระอารามที่มีความรุ่งเรืองสว่างไสว ทั้งยังเป็นสถานที่บรรจุพระเกศาธาตุ และพระธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากนี้ “โชติการาม” ยังมีความหมายอีกนัยหนึ่ง คือ เมื่อถึงเวลาที่มีการจุดประทีบโคมไฟประดับบูชาองค์พระธาตุเจดีย์หลวง จะปรากฏแสงสีสว่างไสว มองเห็นองค์พระเจดีย์คล้ายเชิงเทียนที่มีเปลวไฟลุกโชติช่วง ดูแล้วมีความงดงามยิ่งนัก สามารถมองเห็นได้แต่ไกล






3. ดอยอินทนนท์                   

                    เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดของแดนสยาม 2,565 เมตร จุดสิ้นสุดของทางหลวงหมายเลข 1009 มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี เป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทยและเป็นที่ประดิษฐานสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์สุดท้าย ดอยอินทนนท์ นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย พาดผ่านจากประเทศเนปาล ภูฐาน พม่า และมาสิ้นสุดที่นี่ บรรยากาศโดยรอบอุดมไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นป่าดงดิบ ป่าสน ป่าเบญจพรรณ อีกทั้งยังมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เชื่อได้ว่าใครที่ได้มาที่นี่จะต้องติดใจจนไม่อยากกลับ







4. พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์                  

               เป็นพระตำหนักประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2505 ตั้งอยู่บนดอยบวกห้า สามารถเดินชมโดยรอบตำหนักและบริเวณซึ่งมีแปลงกุหลาบ สวนเฟิร์น และไม้นานาพรรณได้ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ มีลักษณะเป็นแผนผังแบบเรือนไทยภาคกลางที่เรียกว่า “เรือนหมู่” มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นไทยประเพณีประยุกต์ ก่ออิฐถือปูน ยกพื้นสูงหลังคาทรงไทย มีความงดงามเป็นอย่างมาก เหมาะที่จะเดินทางมาพักผ่อน พร้อมกับเก็บภาพประทับใจสวยๆ คู่กับพระตำหนักและบรรยากาศโดยรอบ






5. บ้านม้งดอยปุย                   

        เป็นอีกสถานที่เที่ยวเชียงใหม่หนึ่งที่เราประทับใจ เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ดอยปุย บริเวณหมู่บ้านจำหน่ายของที่ระลึกจำนวนมากซึ่งมีทั้งที่ผลิตภายในหมู่บ้าน และนำจากที่อื่นมาวางจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว การได้เดินทางมาที่นี่นับได้ว่าเป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตชาวม้งอย่างแท้จริง นอกจากของที่ระลึกที่จะมีจำหน่ายให้เราได้เลือกซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึกแล้ว เรายังจะได้แต่งกายแบบชาวม้ง โดยสามารถถ่ายรูปภายในหมู่บ้านที่มีมุมสวยๆ อยู่มากมาย ใครยังไม่เคยมา ต้องลองมาให้ได้สักครั้ง








6. นาข้าวขั้นบันไดแม่แจ่ม                

            เมื่อพูดถึงอันดับหนึ่งแห่งนาข้าวขั้นบั้นไดที่ดังก่อนใคร  นาข้าวขั้นบันไดแม่แจ่ม  คือชื่อที่ถูกนึกถึงและเป็นจุดหมายปลายทางในอันดับต้นๆ เมืองเล็กกลางหุบเขาอันทรงเสน่ห์ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศที่เงียบสงบ เรียบง่ายไม่เคยเปลี่ยน  ในช่วงฤดูทำนาตั้งแต่เดือนก.ย.ตลอดสองข้างทางในอ.แม่แจ่ม สามารถพบเห็นวิวอันเขียวขจีของนาข้าวตลอดทุกเส้นทาง เมื่อถึงช่วงเดือนพ.ย. นาข้าวเหล่านั้นก็กลายเป็นสีทองเหลืออร่ามพร้อมเก็บเกี่ยว จะเรียกได้ว่าแม่แจ่มเป็นตัวแม่แห่งนาข้าวขั้นบันไดก็คงไม่ผิด






7. อุทยานหลวงราชพฤกษ์               

           อุทยานหลวงราชพฤกษ์ หรือชื่อเดิมว่า สวนเฉลิมพระเกียรติ ราชพฤกษ์ จัดสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 พรรษาในวันที่ 9 มิถุนายน 2549 และทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ศูนย์กลางการเรียนรู้พืชสวนโลก มีการจัดแสดงพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด การจัดแสดงนิทรรศการด้านการเกษตรและอื่น ๆ เพื่อการเรียนรู้สำหรับเยาวชนและประชาชนทั่วไป เพื่อการศึกษางานวิจัย และเป็นแหล่งพบปะกันในกลุ่มเกษตรกร ภายในพื้นที่มีการจัดภูมิสถาปัตย์อย่างสวยงาม






8. ดอยอ่างขาง               

           อยู่ในเขตหมู่บ้านคุ้มหมู่ที่ 5 ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 1,400 เมตร คำว่า “อ่างขาง” ในภาษาเหนือหมายถึง อ่างรูปสี่เหลี่ยมตามลักษณะของ ดอยอ่างขางซึ่งเป็นดอยที่มีรูปร่างของหุบเขา ยาวล้อมรอบ ประมาณ 5 กิโลเมตร กว้าง 3 กิโลเมตร ตรงกลางของอ่างขางเดิม เป็นเป็นภูเขาสูง เช่นเดียวกับบริเวณโดยรอบ แต่เนื่องจากเป็นภูเขา หินปูน เมื่อถูกน้ำฝนชะก็จะค่อยๆ ละลายเป็น โพรงแล้วยุบตัวลงกลายเป็นแอ่ง มีพื้นที่ราบ ความกว้างไม่เกิน 200 เมตร มีพื้นที่ใช้ทำการเกษตร ในงานวิจัยประมาณ 1,800 ไร่ มีหมู่บ้านชาวเขาที่ทางสถานีฯให้การส่งเสริมและ พัฒนาอาชีพรวม 6 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหลวง บ้านคุ้ม บ้านนอแล บ้านปางม้า บ้านป่าคา และบ้านขอบด้ง ซึ่งประกอบไปด้วย ประชากร 4 เผ่าได้แก่ ไทยใหญ่ มูเซอดำ ปะหล่อง และจีนฮ่อ อุณหภูมิเฉลี่ย ตลอดปีประมาณ 17.7 องศาเซล เซียส อุณหภูมิสูงสุด 32 องศา ในเดือนเมษายน และอุณหภูมิต่ำสุด–3 องศาเซเซียส ในเดือนมกราคม ซึ่งหากมาเที่ยวในช่วงดังกล่าวอาจพบกับ แม่คะนิ้งหรือ น้ำค้างแข็งได้ 






9. ดอยผ้าห่มปก                 

               เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก  มีความสูง  2,285 เมตรซึ่งเป็นยอด ดอยที่สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย  บนยอดดอยจะเห็นทิวทัศน์มีจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ยามเข้าและจุดชมวิว พระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ดอยผ้าห่มปกมีหมอกปกคลุมจัดและมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีและมีลมแรง อีกหนึ่งเสน่ห์ของ ดอยฟ้าห่มปก คือมีพืชพันธุ์และสัตว์ป่าหายากและที่น่าสนใจนานาชนิด อาทิ เทียนหาง บัวทอง ผีเสื้อไกเซอร์อิมพิเรียล ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก ผีเสื้อหางติ่งแววเลือน ผีเสื้อหางดาบตาลไหม้ นกปรอดหัวโขนก้นเหลือง และนกปีกแพรสีม่วง เป็นต้น







10. กิ่วแม่ปาน                

            อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตรง กม.ที่ 42 ของถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์ ใกล้กับพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น เป็นวงรอบระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ที่ระดับความสูงประมาณ2,000เมตรจากระดับน้ำทะเลถือเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและ ทะเลหมอกที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง ของดอยอินททนท์เส้นทางช่วงแรกผ่านเข้าไปในป่าดิบเขาซึ่งมีบรรยากาศร่มครึ้ม มีแสงแดดส่องลงมาเพียงรำไรตามพื้นป่าเต็มไปด้วย เฟินหลากหลายชนิด มีมอสสีเขียวขึ้นคลุมตามโคนต้นไม้และบริเวณริมห้วยที่ชุมชื้น ทางจะเดินขึ้นเขาจนทะลุออกยังทุ่งหญ้าโล่งกว้างของ สันกิ่วแม่ปานซึ่งมีแสง แดดจ้าและสายลมแรงมาถึงจุดชมวิวสูงสุด ถัดจากจุดชมวิวไปจะเป็นทางเดินเลียบไปตามสันเขาเลียบหน้าผา มีความกว้างประมาณ 1 เมตร ซึ่งจะสามารถเดินได้เพียงคนเดียว จึงเป็นที่มาของชื่อ “กิ่วแม่ปาน” ระหว่างทางจะมีต้นไม้น้อยใหญ่ให้ชม อย่างเพลิดเพลิน


อ้างอิง
https://www.google.co.th/webhp?sourceid=chrome-instant&ion=1&espv=2&ie=UTF-8#q=%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88+

https://www.google.co.th/webhp?sourceid=chrome-instant&ion=1&espv=2&ie=UTF-8#q=%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88+

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น